Menu

“พีทีจี” ครบรอบ 30 ปีผนึกกำลังพันธมิตรธุรกิจ ชู “พีที แม็กซ์การ์ด” ขยายเครือข่ายสาขา และธุรกิจ non-oil เพื่อเป้าหมายเป็นที่หนึ่งในใจคนไทยอย่างแท้จริง

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจในปี 2561 ว่า “เราตั้งเป้าสัดส่วนปริมาณการขายน้ำมันเติบโตราว 20-25% เมื่อเทียบกับปี 2560 ซึ่งในปีนี้ เราเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจด้วยการร่วมลงทุนกับพันธมิตรเพื่อสร้างเครือข่าย ขยายฐานลูกค้า และสร้างประสบการณ์การบริการชั้นเลิศให้แก่ลูกค้าอย่างครบวงจร ภายใต้ธีมที่ชื่อว่า “Power of Networks” โดยวางงบลงทุนอยู่ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจน้ำมัน (Oil) 3,000-3,300 ล้านบาท ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) 500-700 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500-1,000 ล้านบาท ในส่วนของสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส ปัจจุบันเรามีจำนวนกว่า 1,700 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมตั้งเป้าจำนวนสาขาเป็น 2,000 สาขาทั่วประเทศ อีกทั้งยังมุ่งเพิ่มจำนวนผู้ถือบัตร PT Max Card เป็น 9.6 ล้านสมาชิก เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ประมาณ 2 ล้านสมาชิก”

“อัตราการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของบริษัทฯ อยู่ที่ 18% ซึ่งโตกว่าอุตสาหกรรมน้ำมันโดยรวม 6 เท่า ส่งผลให้รายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจน้ำมันเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 97% นอกจากนี้ในไตรมาส 4 สัดส่วนกำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน เริ่มเติบโตสูงขึ้นเป็น 9% และในปี 2561 นี้ นับเป็นปีที่สำคัญมากสำหรับเรา เพราะไม่เพียงแต่เป็นปีที่บริษัทฯ ครบรอบ 30 ปี แต่เรายังมุ่งขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ โดยในปีนี้เราจะมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจ Non-oil โดยตั้งเป้าสัดส่วน EBITDA จากธุรกิจ non-oil เป็นประมาณ 20% เพิ่มขึ้นจาก 9% ปีที่แล้ว รวมถึงเล็งเห็นโอกาสการเติบโตจากการร่วมลงทุนในธุรกิจใหม่อีก 2-3 ธุรกิจในปีนี้ เราคาดว่าจะมีบางโครงการที่สำเร็จในใตรมาส 2 นี้ เราตั้งเป้าสร้างเครือข่ายธุรกิจทั้ง oil และ non-oil ภายใต้พีทีจี และพันธมิตร มากกว่า 2,700 เครือข่ายในปีนี้” นายพิทักษ์ กล่าว

หลังจากที่พีทีจีเข้าซื้อหุ้น “บริษัท จี เอฟ เอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์)” ในปีนี้จะเริ่มเห็นทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น จากการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด และปรับการบริหารงานใหม่ทั้งหมด โดยเปิดให้บริการร้านกาแฟ Coffee World รูปโฉมใหม่ 2 สาขาแรกที่เซ็นทรัลพระราม 3 และเซ็นทรัลมหาชัย เรียบร้อยแล้วในไตรมาสนี้ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยดีกว่าสาขาปกติ 20-25% พร้อมตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 95-100 สาขาในปีนี้ สำหรับธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถบรรทุกภายในสถานีบริการน้ำมันพีทีภายใต้ชื่อ “PRO TRUCK” จะมีการขยายสาขาเพิ่มเป็น 10-20 สาขา พร้อมกับขยายศูนย์พักรถครบวงจรหรือ “PT MAX CAMP” อีก 5-10 สาขา และสำหรับศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรภายใต้แบรนด์ “AUTOBACS” ที่ร่วมลงทุนกับทางญี่ปุ่นนั้น ก็จะมีการขยายสาขาเพิ่มอีก 40 สาขา โดยจะเป็นการเปิดภายในสถานีบริการน้ำมันพีที ประมาณ 20-30 สาขาในปีนี้

ส่วนแบรนด์ “กาแฟพันธุ์ไทย” ในปีนี้จะเพิ่มจำนวนสาขาเป็น 210-230 สาขาทั่วประเทศ พร้อมพัฒนาการให้บริการสู่สาขาไดรฟ์ทรู (Drive-Thru) โดยสาขาแรกจะเปิดตัวในไตรมาส 2 ในเขตกรุงเทพฯ ตลอดจนเพิ่มจำนวนแม็กซ์ มาร์ท (Max Mart) เป็น 150-160 สาขา นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องภายใต้แบรนด์ “PT Maxnitron Lube Change” ซึ่งดำเนินการและบริหารงานโดยพีทีจี และพันธมิตรภายในสถานีบริการน้ำมันอีกด้วย

ในส่วนของโครงการอุตสาหกรรมปาล์ม คอมเพล็กซ์ (Palm Complex) คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ และเรากำลังมีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตโรงงาน       เอทานอลเพื่อความเหมาะสมและให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงสุด ซึ่งตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านบริการในธุรกิจพลังงานครบวงจรของพีทีจีอย่างแท้จริง” ยิ่งไปกว่านั้น พีทีจี ยังคงมุ่งพัฒนาการบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างประสบการณ์ความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในสถานีบริการพีทีและเครือข่าย ภายหลังจากส่งผู้บริหาร และพนักงานจากสำนักงานใหญ่กว่า 300 คน ลงให้บริการร่วมกับพนักงานหน้าลานเมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้ พีทีจียังคงสร้างการรับรู้ของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยเป็นสปอนเซอร์หลักให้กับทีมสโมสรฟุตบอล “พีที ประจวบ เอฟซี” โดยสร้างกิจกรรมคลีนิคสอนฟุตบอลให้แก่เยาวชน ในเรื่องของกิจกรรมเพื่อสังคม พีทีจีก็ยังคงมุ่งมั่นในการช่วยเหลือคนที่ขาดโอกาสและต้องการความช่วยเหลือ อาทิ การร่วมทำกิจกรรมกับสถานสงเคราะห์ประจวบคีรีขันธ์ (บ้านประจวบโชค)

นายพิทักษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในปีนี้เราจะมุ่งการเชื่อมเครือข่ายพันธมิตรกับบัตรสมาชิก PT Max Card เพื่อมอบสิทธิประโยชน์สูงสุดให้ลูกค้าผู้ถือบัตรสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการคุณภาพได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าลูกค้าจะใช้บริการสินค้าและบริการอะไรภายใต้เครือข่ายของพีทีจี และพันธมิตร ก็จะสามารถรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้เช่นกัน”