Menu

TK ตั้งเป้าโตปีนี้ 10% เดินหน้ารุกขยายงานทั้งในตลาดประเทศและต่างประเทศ คาดพอร์ตสินเชื่อรวมแตะ 1 หมื่นล้านบาท เตรียมงบกว่า 60 ล้านขยายสาขา และระบบ IT

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า TK ประสบความสำเร็จในการดำเนินงาน ณ สิ้นปี 2560 โดยมีผลประกอบการที่ดีขึ้น และลูกหนี้เช่าซื้อเพิ่มขึ้น 16.9% ดีกว่าที่ตั้งไว้ในต้นปี 2560 และโตมากกว่าตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศถึง 4 เท่าตัว โดยมีกำไรสุทธิรวม 466.9 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.7% มีรายได้รวม 3,653.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% จาก 3,371.3 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 10,018.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3% จาก 8,611.4 ล้านบาท ในปี 2559 ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบเสนอผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานในปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.52 บาท รวมจำนวน 500 ล้านหุ้น เป็นเงิน 260 ล้านบาท โดยได้ปิดสมุดพักการโอนหุ้นเพื่อรับเงินปันผลเมื่อ 7 มีนาคมที่ผ่านมาและกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 นี้ “ในปี 2561 บริษัทฯ มีเป้าเติบโตเบื้องต้นที่ 10% และได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการดำเนินธุรกิจในประเทศและจากต่างประเทศให้เป็น 50:50 ภายในปี 2563 ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมงบประมาณกว่า 60 ล้านบาท สำหรับการขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ การพัฒนาระบบ IT โดยเฉพาะระบบ Mobile Application การพัฒนาบุคคลากรและองค์กรให้มีความพร้อมที่จะเติบโตไปพร้อมกับบริษัทฯ” นางสาวปฐมา กล่าว

TK เตรียมขยายสาขารวมเกือบ 10 สาขา ในปี 2561 โดยจะขยายสาขาในประเทศไม่ต่ำกว่า 4 – 5  สาขา และขยายสาขาในต่างประเทศรวม 5 สาขา คือ 3 สาขา ในราชอาณาจักรกัมพูชา และอีก 2 สาขา ใน สปป. ลาว และคาดว่าน่าจะได้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Micro Finance License ในสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา ในปีนี้ ในด้านความพร้อมทางการเงินเพื่อการขยายพอร์ตสินเชื่อ บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้อายุ 3 ปี จำนวน 600 ล้านบาท ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยพร้อมที่จะออกหุ้นกู้เพิ่มเติมได้ทันทีที่ต้องขยายวงเงิน และยังมีวงเงินออกหุ้นกู้คงเหลือ เป็นจำนวน 2,600 ล้านบาท อีกทั้งได้ขออนุมัติวงเงินทดรองเพิ่มอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทลูกของ TK กู้ยืมได้ หากการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อในต่างประเทศมีการขยายตัวสูง” นางสาวปฐมา กล่าว

ทางด้านนายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวเพิ่มเติมว่าภาพรวมของธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในปี 2561 จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ซึ่งตลาดรถจักรยานยนต์ภายในประเทศเติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ส่งผลจากเศรษฐกิจโดยรวมโตขึ้นและเร่งตัวขึ้น โดยปี 2560 GDP โต 3.9% และในปี 2561 ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า GDP จะโตเพิ่มขึ้นจากเดิม 3.9% เป็น 4.1% เป็นผลมาจากภาคส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 4% เป็น 7% อีกทั้งการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวมาประเทศไทยถึง 35 ล้านคน และในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวน 7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 14.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และนโยบายของภาครัฐที่เริ่มลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะเร่งตัวเพิ่มขึ้น และจะช่วยให้ GDP ขยายตัวเพิ่ม 0.5% ต่อปี ไปอีกหลายปี ส่วนภาคเกษตร คาดว่าสินค้าเกษตรน่าจะมีราคาทรงตัว เนื่องจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับเกินกว่า US$ 60 ต่อ Barrel อีกทั้งหนี้ครัวเรือนที่ลดลงต่อเนื่อง จากสูงสุด 81.2% ของ GDP ในปี 2558 มาอยู่ที่ 78.3% ของ GDP ในไตรมาส 3 ปี 2560 ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายภายในประเทศดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้เพราะสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากการส่งออกที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ การส่งออกยังเติบโตอยู่ที่ 4% ส่วนการท่องเที่ยว ยังคงเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจประเทศไทยเติบโตต่อไป ซึ่งปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“นอกจากปัจจัยบวกทางด้านเศรษฐกิจ ทางด้านบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์หลายค่ายต่างเตรียมพร้อมที่จะแนะนำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ๆ สู่ตลาดในปีนี้อีกไม่ต่ำกว่า 14 รุ่น ทั้งรถขนาดเล็ก และรถรุ่นที่มีเครื่องยนต์ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยตลาดรถจักรยานยนต์ภายในประเทศน่าจะมียอดขายที่ 1,870,000 คัน ในปี 2561 จึงทำให้ TK มั่นใจว่าตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยคาดว่าคาดพอร์ตสินเชื่อรวมของ TK จะเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาทในปีนี้” นายประพลกล่าว

ด้านแผนการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของสัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อในประเทศและจากต่างประเทศเป็น 50:50 ในปี พ.ศ. 2563 นั้น นอกจากการขยายสาขาในประเทศที่ TK มีบริษัทลูกดำเนินธุรกิจแล้วอย่างในกัมพูชาและ สปป. ลาว บริษัทฯ และอยู่ในระหว่างการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Micro Finance ในสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา ธุรกิจในต่างประเทศมีการเติบโตที่เร่งตัวเพิ่มขึ้น โดยในปี 2560 ลูกหนี้เช่าซื้อใน 2 ประเทศ เติบโตเกือบ 200% โดยเพิ่มขึ้นจาก 135 ล้านบาท เป็น 398.81 ล้านบาท หรือประมาณ 5% ของลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั้งหมด และทั้ง 2 ประเทศ มีกำไรเป็นปีที่ 2 โดยปี 2560 มีกำไร 35 ล้านบาท และในปี 2561 จะเปิดสาขาเพิ่มในราชอาณาจักรกัมพูชาอีก 3 แห่ง และใน สปป.ลาว อีก 2 แห่ง ซึ่งจะบรรลุเป้าหมายสัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อในประเทศและต่างประเทศ 50:50 ในปี 2563 ให้ได้ TK ต้อมีธุรกิจมากกว่าใน 3 ประเทศนี้ อีกทั้งถ้ามีโอกาส TK ก็พร้อมซื้อกิจการเพื่อเพิ่มการขยายตัวของธุรกิจ ซึ่ง TK มีความพร้อม เพราะ D/E อยู่เพียง 1.1 เท่า และได้เตรียมพร้อมดอกเบี้ยขาขึ้นไว้แล้ว โดยเงินกู้ดอกเบี้ยคงที่ระยะยาวสูงถึง 95% TK มั่นใจว่าสภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น และพร้อมปรับเป้าหมายการขยายตัวของธุรกิจเพิ่มขึ้นอีก นายประพลกล่าวทิ้งท้าย