Menu

ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) คันต้นแบบ ผ่านการวิ่งทดสอบระยะยาวใน Nardò

ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) คันต้นแบบ ผ่านการทดสอบระยะยาว 24 ชั่วโมง รวมระยะทางจริง ทั้งหมดกว่า 3,425 กิโลเมตร ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโลก ในวันที่ 4 กันยายน ที่จะถึงนี้ โดยพื้นที่ที่ใช้สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของสนามแข่งรถความเร็วสูง Nardò high-speed track ประเทศอิตาลี รถต้นแบบคันนี้ สามารถทำความเร็วเฉลี่ยระหว่าง 195 และ 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใต้อุณหภูมิอากาศสูงสุดถึง 42 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิพื้นผิวสนามที่สูงถึง 54 องศาเซลเซียส ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ได้พิสูจน์ถึงความสามารถ ในการวิ่งระยะทางยาวก่อนการเผยโฉมจริง ในแง่คุณภาพระดับสูงเมื่อถูกใช้งานอย่างเต็มพิกัดเป็นระยะทางยาว และระยะเวลาต่อเนื่อง ตลอดกระบวนการทดสอบสุดทรหด รถต้นแบบดังกล่าวแทบจะไม่ได้หยุดวิ่งเลยแม้แต่น้อย มีเพียงการจอดเพื่อชาร์จพลังงานไฟฟ้าระยะเวลาสั้นๆ และเปลี่ยนตัวผู้ขับขี่เท่านั้น โดยทีมงานมืออาชีพที่ประกอบ ด้วยนักขับทดสอบสังกัดโรงงานปอร์เช่จำนวน 6 คน การทดสอบเพื่อรับประกันประสิทธิภาพในครั้งนี้นับเป็นส่วนหนึ่ง ของแผนการทดสอบระยะยาวท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง 

ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) คือรถสปอร์ตที่ขับเคลื่อนด้วย พลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบจากสายการผลิตรุ่นแรก ของปอร์เช่ ซึ่งได้รับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อน 800 โวลต์ อันเป็นเทคโนโลยีที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้าง ชัยชนะ ให้แก่รถแข่งปอร์เช่ 919 ไฮบริด (Porsche 919 Hybrid) ในการแข่งขันรายการ Le Mans 24 ชั่วโมง 3 ฤดูกาลติด และตอนนี้ถึงเวลาที่ความยอดเยี่ยมดังกล่าวจะได้รับการถ่ายทอดมายังรถในสายการผลิตปกติ

ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ไม่เพียงเป็นรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าที่ผ่านบททดสอบสุดทรหดระยะยาว มาได้โดยไร้ที่ติเท่านั้น แต่ระบบขับเคลื่อนทั้งหมดล้วนแล้วแต่ได้รับการออกแบบขึ้น โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพ การปลดปล่อยพละกำลังมหาศาลที่ต่อเนื่องแม้จะถูกใช้งานภายใต้สภาวะที่ใช้อัตราเร่งสูงสุดซ้ำกันหลายครั้งก็ตาม ในขั้นตอนการทดสอบช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รถต้นแบบคันนี้สามารถรองรับการขับขี่รูปแบบสปอร์ต ในลักษณะของการเร่งความเร็วเต็มสมรรถนะจาก 0 ถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างไร้ปัญหาใดๆ ถึง 26 ครั้งติดต่อกัน สำหรับอัตราเร่งเฉลี่ยสามารถทำได้ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 10 วินาทีในทุกครั้งที่ทดสอบ ทั้งนี้ความแตกต่างของเวลาที่ รวดเร็วที่สุดและเวลาที่ช้าที่สุดมีเพียง 0.8 วินาทีเท่านั้น