Menu

มิชลินสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในการส่งพลังหนุน “มาร์เกซ” คว้าตำแหน่งแชมป์ในประเทศไทย

มิชลินเกาะติดขอบสนามเฝ้าดูชัยชนะในศึกการแข่งขันโมโตจีพี ชิงแชมป์โลก ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในการแข่งขันครั้งนี้รอบสุดท้ายมาร์ก มาร์เกซ (เรปโซล ฮอนด้า) บิดแซงโค้งสุดท้ายรักษาตำแหน่งแชมป์พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เอาไว้ได้แบบสุดระทึก ซึ่งในส่วนของบริษัทยางรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสเองก็สามารถทุบทำลายทุกสถิติเก่าได้เช่นกันในช่วงสุดสัปดาห์ของการแข่งขัน

ในวันแรกของสุดสัปดาห์ที่บุรีรัมย์อากาศร้อนสลับกับมีแดดจ้า ทำให้สามารถทำเวลาต่อรอบได้เร็วในสองรอบแรก ซึ่งนักบิดทั้งหมดต่างก็ได้ทดลองยางมิชลิน พาวเวอร์ สลิค เนื้อยางแบบต่างๆ เพื่อตัดสินเลือกชนิดที่ดีที่สุดสำหรับใช้ในวันแข่งขัน และปีนี้เป็นปีแรกที่ยางมิชลิน พาวเวอร์ เรน ถูกนำมาใช้ในสนามแข่งในประเทศไทยด้วย เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงเช้าของวันเสาร์ทำให้สนามที่ใช้ในการซ้อมครั้งที่ 3 นั้นเปียกแฉะ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจึงมีโอกาสได้ทดลองใช้ยางสำหรับพื้นเปียกหรือ Rain Tyres เนื้อยางแบบต่างๆ เพื่อประเมินสมรรถนะบนสนามราดยางมะตอยที่บุรีรัมย์ และโชคดีที่สนามแห้งสนิททันการแข่งในช่วงบ่ายทำให้ได้เห็นกวาร์ตาราโร่ทำลายสถิติใหม่ในรอบควอลิฟาย โดยทั้งกวาร์ตาราโร่ มาร์เกซ และมาเวริค บีญาเลส (มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโต จีพี) ต่างก็สามารถทำเวลาได้ดีกว่าที่เคย ส่วนในวันแข่งขันจริงนั้นแม้อากาศจะแห้งและมีแดด แต่ก็พอมีเมฆอยู่บ้างโดยวัดอุณหภูมิสนามได้ที่ 48 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับการยึดเกาะและการแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่ดีเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอของยางมิชลิน พาวเวอร์ สลิค ล้อหลังชนิดเนื้อยางนิ่ม นักแข่งทั้งหมดจึงพร้อมใจกันเลือกใช้ยางชนิดนี้ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการพิสูจน์สมรรถนะของยางรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดีเพราะสถิติการแข่งขันโดยรวมนั้นดีขึ้นเกือบ 20 วินาที แต่ก็ยังไม่ใช่การทำลายสถิติเพียงครั้งเดียวในสุดสัปดาห์นี้เพราะดานิโล เปตรุสซี่ สามารถทำความเร็วสูงสุดในการซ้อมรอบ 2 ด้วยเวลา 332.3 กิโลเมตร/ชั่วโมง และผลการแข่งขันครั้งนี้ปรากฏว่าบีญาเลสได้ขึ้นครองโพเดี้ยมเป็นอันดับสุดท้าย ตามด้วยอันเดรีย โดวิซิโอโซ่ (ทีมดูคาติ) เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 4 อเล็กซ์ รินส์ (ทีมซูซูกิ เอ็คสตาร์) อันดับที่ 5 ฟรานโก มอร์บิเดลลี (ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที) อันดับที่ 6 และโจอัน เมียร์ (ทีมซูซูกิ เอ็คสตาร์) เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 7 วาเลนติโน รอสซี่ (มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโต จีพี) เข้าเป็นอันดับที่ 8 เปตรุสซี่ อันดับที่ 9 และทาคาอากิ นาคากามิ (แอลซีอาร์ ฮอนด้า) เข้าเป็นอันดับสุดท้ายของกลุ่มท็อปเทน

ผู้ชมจำนวน 95,352 คนบนแกรนด์สแตนด์รอบสนามแข่งต่างร่วมเป็นสักขีพยานในวินาทีที่มาร์เกซคว้าแชมป์กรังด์ปรีซ์ไปครองเป็นสมัยที่ 8 และยังเป็นแชมป์โลกรุ่นโมโตจีพีเป็นสมัยที่ 6 ด้วย โดยครั้งนี้เป็นการครองแชมป์โลก 4 สมัยติดต่อกันของมาร์เกซ ซึ่งทั้งมาร์เกซและนักบิดเจ้าของแชมป์รุ่นพรีเมียร์ในประวัติศาสตร์อย่างไมค์ เฮลวูด, เจียโคโม อะโกสตินี่, มิค ดูฮาน และรอสซี่ ต่างก็เลือกใช้ยางมิชลินเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ การที่แชมป์ชาวสเปนคว้าชัยครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 30 แล้วที่ตำแหน่งแชมป์รุ่นพรีเมียร์ตกเป็นของนักบิดที่เลือกใช้ยางมิชลิน